เมืองไทยน่าอยู่ที่สุดในโลก แล้วค่า
ไทยเที่ยวไทย: ใครว่าไหมคะ ประเทศไทยเป็นชาติที่น่าอยู่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ใครจะว่าคนอาเชี่ยน หน้าตาเหมือนกัน แต่ถ้าสังเกตุดีๆ คนไทยจะไม่เหมือนใคร พวกเราจะมีเอกลักษณะเฉพาะตัว อาหารการกิน ความเป็นอยู่ ล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณะเป็นของเราเอง.
ขนมครก เชื่อว่าทุกคนรู้จัก แต่ว่าเด็กๆรุ่นใหม่บางคนบางท่าน อาจจะไม่รู้จัก และไม่เคยกิน ขนมครกมีมาแต่โบราณโน่นแล้วค่ะ เป็นขนมเก่าแก่ ทำแบบง่ายๆมาก มีมานานตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นขนมไทยแท้ๆ ไม่มีผสมชาติไหนๆเลยค่ะ 🙂 . แต่ว่าขนมครก ยังมีใน ลาว พม่า อินโดนีเซียคนอินโดนีเซีย เรียกขนมครกว่าขนมเซอราบี (ชื่อเพราะนะคะ).
สมัยเราเป็นเด็ก เรียนหนังสือ ชั้นประถม จะมีร้านขาย ขนมจีน น้ำเงี้ยว คุณป้าท่านนี้ทำอร่อยมาก คุณป้าจะขาย ขนมครกด้วย ค่ะ ยิ่งขนมครกด้วยแล้ว อร่อยที่ซู๊ด! 🙂 ยุคนั้นเรายังจำได้ดี ขนมจีนน้ำเงี้ยว จานละ 1 สลึ่ง ค่ะ จะได้ ครึ่งเง้า (ขนมจีนทางเหนือ จะนับขายเป็นกระจับเล็กๆ (เง้า=กระจับเล็กๆ) ไม่ได้ทำเป็นยาวๆ และขายเป็นกิโลเหมือนทางภาคกลางๆ และหลายภาคของไทยค่ะ เขาจะนับ เป็น100 กระจับ ห่อด้วยใบตอง จำไม่ได้ว่าสมัยนั้นเราคาเท่าไหร่ ต่อ 100 กระจับ ปัจจุบัน ก็ยังเป็นแบบนี้ และห่อด้วยใบตองเหมือนเดิมค่ะ.
ไทยเที่ยวไทย; กลับไปปเรื่องขนมครกค่ะ เราเคยช่วยเพื่อนโม่ข้าว ที่จะนำไปผสมทำเป็นขนมครก ส่วนผสมก็จะง่ายๆมากค่ะ จะมี ข้าวเจ้า น้ำกะทิ น้ำตาลเล็กน้อย เกลือเล็กน้อย ต้นหอม ใช้สำหรับโรยหน้า ตอนใกล้ขนมใกล้สุก ค่ะ นำทั้งหมดผสมรวมกัน แล้วนำไปโม่ค่ะ ไม่รวมต้นหอมค่ะ
เวลาโม่ข้าว โม่หินจะมีรูกลม สำหรับตักข้าวลงไป พร้อมน้ำใส่แต่พอดี น้ำกับข้าวต้องพอดีกันค่ะ ไม่เช่นนั้น เวลานำขนมไปลง บนเตาหลุม จะไม่นิ่ม จะแข็ง กินไม่อร่อย (รูปโม่หินดูได้จากที่นี่ค่ะ).
หลังจากเราโม่ทุกอย่างเรียบร้อย ก็นำไปตักใส่เตาถาดหลุม ย่างบนเตาถ่านค่ะ สมัยนั้นเราจำได้ว่า เตาน่าจะทำมาจากดินเผา ก่อนจะนำขนมลงไปตามหลุมเล็กๆ คุณป้าท่านจะมี ผ้าทำเป็นกลมๆ คล้ายๆมัดห่อหมก แบบมีที่จับ ข้างในนั้น ไม่ทราบว่าใส่อะไรค่ะ แต่เป็นอันเล็กๆ พอดีกับหลุมขนมครก ใช้สำหรับจุ่มน้ำมัน(ใช้นำมันหมูสมัยนั้น) เพื่อไม่ให้ขนมติดหลุมค่ะ.ในการแคะขนมออกแต่ละครั้ง
พอจะใส่ไปใหม่ก็ต้อง เช็ดด้วยน้ำมันก่อนทุกครั้ง ค่ะ พอขนมใกล้สุก ก็จะโรยด้วย ต้นหอม ตักประกบกัน เราก็จำไม่ได้แล้วว่า เขาขาย คู่ละเท่าไหร่ คงไม่ใช่คู่ละสลึง น่าจะทำเป็น สี่คู่ ห้าสิบสตางค์. เราก็ระลึกไม่ได้แล้ว เวลาผ่านมา 40 กว่าปีแล้วค่ะ เพราะตอนนั้น ขนมจีนน้ำเงี้ยว ครึ่งเง้า คุณป้าขาย 1 สลึง ค่ะ.
เรากำลังจะบอกว่า ขนมครกต้นตำรับ จะมีกลิ่นหอม รสชาติมันๆ ไม่หวาน เป็นเอกลักษณ์ของขนมครก สมัยนี้หากินยากมากๆ ค่ะ ตอนนี้ขนมครกพัฒนามาไกลมากๆๆๆขอบอก. ขนมครก ยุค 5G มีหลากหลาย ส่วนผสม ส่วนตัวเรา(ความเห็นส่วนตัวนะคะ) ไม่กินเลยค่ะ ไม่ชอบรสชาติ เหมือนขนมทั่วไปในยุคปัจจุบันมากกว่า.
ร้านนี้ ตามภาพเราจะแวะซื้อเป็นประจำ เพราะอยู่ใกล้ๆ ระแวกนี้มีเพียงเจ้าเดียว ที่ขายขนมครกสูตรดั้งเดิม ท่านผู้ใด แวะผ่านมาแถวนี้ ก็แวะซื้อคุณป้าได้เลย จะขายตอนเช้าไม่เกิน 10โมงค่ะ ตลาดสะพานสอง ลาดพร้าว ค่ะ 1 กระทง 8 คู่ ราคา 20 บาทค่ะ
ตลาดโชคชัยสี่ ลาดพร้าว
จะมีอีกที่ตลาดโชคชัย4 อันนี้ เป็นขนมเซอราบี (ขนมครก) ยุคใหม่ พัฒนาสู่ยุค 5G มีหลายส่วนผสมค่ะ
พ่อค้าจะไม่แคะทีละอันๆแล้วนำมาประกบกันค่ะ จะยกออกมาทั้งแผง เวลาพ่อค้าหยอดก็จะหยอดแบบรัวๆๆ เลยค่ะ พอสุก ก็โรยหน้า ยกออกทั้งแผง 🙂 🙂 🙂 🙂 อิอิ… รวดเร็วทันใจ เข้ากับยุค และสมัยค่ะ จะขายตอนบ่ายๆเย็นๆ นะคะ ท่านใดสนใจ ไปหาซื้อได้เลย เป็นตลาดตอนเย็น ขายถึงเที่ยงคืนค่ะ .
เราอยู่ซอยลาดพร้าว71 ถนนนาคนิวาส เกิน 20 ปี ค่ะ ตั้งแต่ยังไม่ค่อยจะเจริญ มีตลาดนัด สามแห่ง ตลาดนัดข้างเขตลาดพร้าว ตลาดนัดซอยนกแก้ว ซึ่งอยู่ปากซอยที่เราอาศัยอยู่ และตลาดนัดสี่แยกโรงไม้ ค่ะ ตลาดนัดข้างเขต และตลาดสี่แยกโรงไม้ จะใหญ่กว่า ทั้งสามตลาด มีของเยอะมากมาย ทั้งอาหารสด อาหารสำเร็จ ผลไม้ ครบเกือบทุกภาค.
ยุคโควิด เราก็จะเห็นว่าตลาดจะมีการล้อมรั้วหน่อยๆ 🙂 🙂 🙂
เราถีบจักรยานมาตลาดนี้บ่อยๆ อยู่ไม่ไกลจากกันค่ะ
ขนมทาโกะยากิ ตลาดสี่แยกโรงไม้ สี่ลูก 20 บาท มีหลากหลากไส้ ค่ะ
ขนมรังผึ้ง หรือขนมวาฟเฟิล เช่นเดียวกัน ก็พัฒนามากมายไส้ เลือกได้ตามชอบ ไส้ข้าวโพด มะพร้าว ลูกเกด ฝอยทอง หรือจะผสม ก็บอกแม่ค้าทำให้ก็ได้ ต้องการไส้เพิ่ม ราคา 30 บาท ปกติ 25 บาท ค่ะ
ขนมรังผึ้งมีสีสรรคสวยงาม รสดั้งเดิม ที่เราเคยกิน ไม่มีไส้ค่ะ เป็นขนมไทยชนิดหนึ่ง คนไทยเราจะมีเอกลักษณ์ะเฉพาะตัวเป็นของตัวเอง มีความประณีต
แกงส้มก้านตูนใส่ปลาทับทิม อาหารพื้นบ้าน ภาคเหนือ-ไทยเที่ยวไทย
เดินทั่วตลาดไม่รู้จะกินอะไร ได้เมนูนี้ค่ะ
ส่วนผสม;
- ก้านตูน 3-4 กำ
- ปลาทับทิม 1 ตัว หั่นเป็นประมาณ 3 ท่อน (แม่ค้าปลาทำให้ค่ะ)
- ใบโหระพา สำหรับโรยหน้า (แทนใบก้อมก่อ) อ่านเพิ่มหน้านี้ค่ะ หัวข้อโหระพาผักประจำครัวไทย
- ขมิ้น 1 แง่งเล็ก
- กะปิ 1 ช้อนชา
- เกลือ 1ช้อนชา
- พริกชี้ฟ้าสด 3-4 เม็ด ถ้าชอบเผ็ด ใส่ตามชอบ
- หอมแดง 2-3 หัว
- กระเทียม 4-5กลีบ
- ผงปรุงรส ผงชูรส ใส่หรือไม่ก็ได้ ตามชอบ
- น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ
- มะเขือเทศ 2-3 ลูก
- น้ำเปล่า 3-4 ถ้วยตวง หรือกะเอาพอประมาณ
- มะนาว 1 ลูก เพิ่มได้ตามใจชอบ
วิธีทำ: ปอกหรือลอกผิวก้านตูนออก แล้วทุบเบาๆให้นิ่ม หั่นเป็นชิ้นๆ และ เด็ดใบโหระพา แล้วพักไว้; นำปลาทับทิมไปล้างด้วยน้ำเกลือ และน้ำส้มสายชู ให้สะอาด พักไว้ นำส่วนผสม ขมิ้น หัวหอม กระเทียม พริกสด เกลือใส่ ครก โขรกให้พอหยาบ ไม่ละเอียดมาก
ตั้งหม้อ (เราใช้กะทะไฟฟ้า) ใส่น้ำ ตักส่วนผสมที่โขรกเสร็จแล้ว ใส่ลงไป รอให้น้ำเดือด ใส่ส่วนผสมที่สุกยากลงไปก่อน เช่น ตูนที่เตรียมไว้ มะเขือเทศ รอสักพัก ใส่ปลาตามลงไป ต้มจนได้ที่ ใส่ส่วนผสมที่เหลือ น้ำปลา น้ำปลาร้า ชูรส ผงปรุงรส ใบโหระพา รอจนสุก ปิดไฟ เติมน้ำมะนาว ชิมดูได้รสชาติ เสริฟ ค่ะ
ลองไปทำดูกันนะคะ รสชาติจะออกเปรี้ยวนิดๆ กลิ่นหอมของใบโหระพา แล้วแต่ผู้ใดชอบ ชอบแบบไหน ก็ปรุงเพิ่มค่ะ
Note: ท่านใดอย่าเผลอนำก้านกระดาดดำ หรือบอนโหรา มาทำนะคะ เป็นพิษค่ะ อาจตายได้เลยนะคะ ตระกูลเดียวกัน ดูรายละเอียดตรงนี้ค่ะ
